ปลาหมึกเป็นหนึ่งในอาหารทะเลที่คุ้นเคย มีรสชาติอร่อยและอุดมด้วยสารอาหาร เป็นที่นิยมในอาหารหลากหลายทั้งเอเชียและยุโรป แต่หลายคนเมื่อรับประทานปลาหมึกก็ยังคงสงสัยว่า “ปลาหมึกมีกระดูกสันหลังไหม?” คำถามที่ดูเหมือนง่ายๆ นี้กลับเปิดเผยเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับสัตว์ทะเลชนิดนี้ ดังนั้น มาร่วมค้นหาคำตอบโดยละเอียดได้ในบทความนี้เลย!
1. ทำความรู้จักกับปลาหมึก
ปลาหมึกเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มมอลลัสกา อาศัยอยู่ส่วนใหญ่ในทะเลลึก ใกล้ชายฝั่ง และมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ พวกมันมีรูปร่างเรียวยาว ลำตัวเป็นรูปไข่ และถูกปกคลุมด้วยผิวหนังที่มีเม็ดสี เช่น สีแดง สีดำ สีเหลือง เม็ดสีเหล่านี้ช่วยให้ปลาหมึกเปลี่ยนสีได้อย่างคล่องตัวเพื่อพรางตัว หลีกเลี่ยงศัตรู หรือสื่อสารกัน

ร่างกายของปลาหมึกแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักคือส่วนหัวและลำตัว ส่วนหัวประกอบด้วยหนวดหลัก 8-10 เส้น และหนวดยาว 2 เส้นที่ใช้จับเหยื่อ โดยมีปุ่มดูดที่แข็งแรงที่ปลายหนวด ปากของปลาหมึกอยู่ระหว่างหนวดและมีจะงอยปากที่แข็งแรงใช้ฉีกเหยื่อ ดวงตาขนาดใหญ่ช่วยให้พวกมันมองเห็นได้อย่างคมชัดในสภาพแวดล้อมใต้น้ำ ช่วยให้การล่าเหยื่อมีประสิทธิภาพ
ปลาหมึกสามารถว่ายน้ำได้เร็วมากด้วยกลไกการขับเคลื่อนแบบเจ็ต โดยดูดน้ำเข้าสู่ช่องลำตัวแล้วพ่นออก นอกจากนี้ พวกมันยังสามารถพ่นหมึกสีดำและเรืองแสง (ชีวเรืองแสง) เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู ที่น่าสนใจคือปลาหมึกบางชนิดยังฉลาดมากในการประสานงานกันเป็นฝูงเพื่อล่าเหยื่อ ปัจจุบันมีปลาหมึกหลายชนิดที่พบได้ทั่วไป เช่น ปลาหมึกกล้วย ปลาหมึกกระดอง ปลาหมึกหอม ฯลฯ ซึ่งมีความหลากหลายทั้งรูปร่าง ขนาด และลักษณะทางชีวภาพ
2. ปลาหมึกมีกระดูกสันหลังไหม?
ปลาหมึกไม่มีกระดูกสันหลัง จึงจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะในชั้น Cephalopoda (เท้าหัว) ซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกับปลาหมึกยักษ์และปลาหมึกกระดอง อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจเข้าใจผิด เพราะปลาหมึกมีส่วนที่แข็งทอดตามหลัง แต่นั่นไม่ใช่กระดูกสันหลัง หากแต่เป็นแผ่นกระดูกอ่อน (หรือที่เรียกว่ากระดองปลาหมึก) ซึ่งช่วยในการกำหนดรูปร่างของร่างกายและสนับสนุนการเคลื่อนไหว
สิ่งที่พิเศษคือส่วนนี้ไม่ใช่ระบบกระดูกเหมือนในสัตว์มีกระดูกสันหลัง (เช่น ปลา สัตว์เลื้อยคลาน หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) การไม่มีกระดูกสันหลังไม่ได้ทำให้ความสามารถในการเอาชีวิตรอดของปลาหมึกลดลง แต่ยังคงทำให้มันเป็นหนึ่งในนักล่าที่มีประสิทธิภาพและคล่องตัวที่สุดใต้ท้องทะเล

3. ประโยชน์ของการรับประทานปลาหมึก
ปลาหมึกไม่เพียงแต่เป็นวัตถุดิบที่คุ้นเคยในอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และโปรตีนคุณภาพสูง ปลาหมึกจึงถูกจัดว่าเป็นอาหารบำรุงสุขภาพสำหรับทุกเพศทุกวัย
- อุดมด้วยโปรตีน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ: ปลาหมึกเป็นแหล่งโปรตีนที่อุดมสมบูรณ์แต่มีไขมันต่ำ ช่วยรักษาสภาพและเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร ปลาหมึกเป็นอาหารที่ดีเยี่ยมในการเสริมโปรตีนโดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น (อ้างอิงจาก Shellfish).
- ดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด: ในปลาหมึกมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันดีที่ช่วยลดการอักเสบ รักษาความดันโลหิตให้คงที่ และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังดีต่อระบบประสาทและการมองเห็น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและเด็กที่กำลังเจริญเติบโต
- บำรุงสมองและระบบประสาท: ปลาหมึกมีวิตามินบี 12 ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยรักษาระบบประสาทและป้องกันภาวะโลหิตจาง การขาดวิตามินบี 12 อาจนำไปสู่อาการอ่อนเพลีย ความจำเสื่อม และการทำงานของสมองลดลง การรับประทานปลาหมึกในปริมาณที่พอเหมาะเป็นประจำจะช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: แร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ซีลีเนียม และทองแดงที่มีอยู่ในปลาหมึกมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคจากสิ่งแวดล้อม
- ดีต่อผิวและเส้นผม: ด้วยคอลลาเจนธรรมชาติและสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ปลาหมึกยังมีส่วนช่วยบำรุงผิวให้สวยงาม ลดริ้วรอย และบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงจากภายใน (อ้างอิงจาก Shellfish).

อ่านเพิ่มเติม: ไขข้อสงสัย: ปลาหมึกกระดองคืออะไร? ปลาหมึกกระดองทำเมนูอะไรอร่อย?
4. ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อรับประทานปลาหมึกมากเกินไป
ปลาหมึกเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่เช่นเดียวกับอาหารทะเลอื่นๆ หากบริโภคมากเกินไปหรือไม่ถูกวิธี ปลาหมึกก็อาจมีความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ดังนี้:
- เพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือด: แม้จะเป็นอาหารทะเลที่มีไขมันต่ำ แต่ปลาหมึกกลับมีปริมาณคอเลสเตอรอลค่อนข้างสูง หากรับประทานมากเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง การบริโภคปลาหมึกเป็นประจำอาจนำไปสู่ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
- ความเสี่ยงต่อการแพ้อาหารทะเล: ปลาหมึกเป็นหนึ่งในอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่มีร่างกายบอบบาง อาการที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ผื่นแดง คัน ปากบวม ปวดท้อง ฯลฯ ดังนั้น หากคุณเพิ่งเคยรับประทานปลาหมึกเป็นครั้งแรก หรือมีประวัติแพ้อาหารทะเล ควรลองรับประทานในปริมาณน้อยก่อนและสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย
- ความเสี่ยงในการปนเปื้อนโลหะหนัก: ปลาหมึกอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมทางทะเล ซึ่งอาจปนเปื้อนด้วยโลหะหนัก เช่น ปรอท ตะกั่ว แคดเมียม หากบริโภคปลาหมึกที่จับได้จากบริเวณทะเลที่ปนเปื้อนเป็นเวลานาน ผู้บริโภคมีความเสี่ยงที่จะดูดซับสารพิษเหล่านี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตับ ไต และระบบประสาท (อ้างอิงจาก National Library of Medicine).
- อาหารเป็นพิษจากการปรุงที่ไม่ถูกสุขลักษณะ: การรับประทานปลาหมึกดิบหรือที่ปรุงไม่สุกดีอาจนำไปสู่ความเสี่ยงของการติดเชื้อแบคทีเรียหรือปรสิต เช่น พยาธิใบไม้ในตับ ท้องเสีย และอาหารเป็นพิษ นอกจากนี้ ปลาหมึกที่ทิ้งไว้นานหรือเก็บรักษาไม่ถูกวิธีก็อาจเน่าเสียได้ง่าย ซึ่งส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารเมื่อรับประทาน
จากข้อมูลข้างต้น คุณคงได้คำตอบสำหรับข้อสงสัยที่ว่า “ปลาหมึกมีกระดูกสันหลังไหม?” ในตอนต้นบทความแล้ว เพื่อศึกษาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมเกี่ยวกับปลาหมึกแต่ละชนิด คุณค่าทางโภชนาการ และวิธีการปรุงปลาหมึกให้อร่อย โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ ร้านค้า Ola Squid ได้เลย ที่นี่ไม่เพียงแต่นำเสนอผลิตภัณฑ์ปลาหมึกแห้งคุณภาพเท่านั้น แต่ยังมอบคลังข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับปลาหมึกให้คุณอีกด้วย

English
Tiếng Việt