ปลาหมึกเป็นหนึ่งในอาหารทะเลที่คุ้นเคยและเป็นที่นิยม ด้วยรสชาติหวานละมุน เนื้อกรอบหนึบอันเป็นเอกลักษณ์ และหลากหลายในการนำไปปรุงอาหาร ไม่เพียงแต่ใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารเท่านั้น ปลาหมึกยังให้คุณค่าทางโภชนาการมากมายต่อสุขภาพ แล้วประโยชน์ของการกินปลาหมึกมีอะไรบ้าง และการกินปลาหมึกมากเกินไปดีหรือไม่? เพื่อค้นหาข้อมูลโดยละเอียด ขอเชิญคุณอ่านบทความด้านล่างนี้เลย!
1. มาทำความรู้จักปลาหมึกกัน
ปลาหมึกเป็นสัตว์จำพวกหอยที่มีลำตัวอ่อนนุ่ม จัดอยู่ในชั้น Cephalopoda อาศัยอยู่แพร่หลายตั้งแต่ทะเลน้ำตื้นจนถึงความลึกมากของมหาสมุทร แตกต่างจากปลาหมึกยักษ์ ปลาหมึกมีหนวดสิบเส้นที่ยืดหยุ่น พร้อมลำตัวทรงกระบอกแบนที่เป็นเอกลักษณ์ และถุงหมึกที่ช่วยให้พวกมันพ่นของเหลวสร้างม่านกำบังป้องกันเมื่อเผชิญอันตราย ด้วยกลไกการพ่นน้ำด้วยแรงที่แข็งแกร่ง ทำให้ปลาหมึกสามารถว่ายน้ำได้เร็ว เคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัว และเป็นนักล่าที่ว่องไวในสภาพแวดล้อมทางทะเล

ปลาหมึกมีลำตัวทรงกระบอกแบน มีหนวด (แขน) และถุงหมึกสำหรับพ่นหมึกเพื่อป้องกันตัว ปลาหมึกที่พบทั่วไป เช่น หมึกกล้วย หมึกหอม หมึกกระดอง ฯลฯ แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันในด้านรูปร่าง ขนาด สี และความเหนียวของเนื้อ ในบรรดาปลาหมึกทั้งหมด ปลาหมึกยักษ์ Architeuthis ที่มีหนวดยาวถึง 16 เมตร เป็นหนึ่งใน สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ที่แข็งแรงที่สุดในโลก ความแข็งแกร่งของพวกมันเทียบได้กับปลาวาฬสเปิร์ม
ปลาหมึกตัวใหญ่ที่มักอาศัยอยู่ในทะเลลึกและห่างไกลจากชายฝั่ง มักถูกจับโดยใช้แสงไฟล่อปลาหมึกขึ้นมาใกล้ผิวน้ำ ในขณะที่ปลาหมึกขนาดเล็กกว่าจะรวมตัวกันใกล้ชายฝั่ง ชาวประมงมักใช้เบ็ดตกปลาหลายอันที่ติดอยู่บนเรือเล็กเพื่อจับปลาหมึก หลังจากจับแล้ว ปลาหมึกจะถูกเก็บรักษาอย่างระมัดระวัง จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียดสีของหนวดที่อาจทำให้เสียหาย รับประกันว่าจะคงความสดใหม่ของรูปลักษณ์ภายนอกไว้ได้
อ่านเพิ่มเติม: ปลาหมึกแห้งภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร? ชื่ออาหารจากปลาหมึกแห้ง
2. ประโยชน์ของการกินปลาหมึก
ปลาหมึกเป็นอาหารทะเลที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดดเด่นด้วยปริมาณโปรตีนที่สูง นอกจากนี้ ปลาหมึกยังมีแคลอรี่ต่ำ เพียงประมาณ 104 แคลอรี่/100 กรัม แทบไม่มีใยอาหารและไขมันอิ่มตัว นอกจากโปรตีนแล้ว ปลาหมึกยังให้วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินบี 12 ไรโบฟลาวิน เหล็ก แคลเซียม ทองแดง ฟอสฟอรัส และซีลีเนียม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปลาหมึกมีปริมาณโซเดียมและคอเลสเตอรอลต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ
นี่คือประโยชน์เด่นๆ ต่อสุขภาพเมื่อเพิ่มปลาหมึกเข้าในเมนูอาหารของคุณ:
- แหล่งโปรตีนที่อุดมสมบูรณ์: ในปลาหมึก 100 กรัม มีโปรตีนสูงถึง 18 กรัม เทียบเท่ากับเนื้อวัวหรือปลา ซึ่งช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: ปลาหมึกมี DHA (โอเมก้า-3 ชนิดหนึ่ง) และโพแทสเซียมจำนวนมาก ช่วยปรับปรุงจังหวะการเต้นของหัวใจให้คงที่ ลดไขมันในเลือด และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
- ช่วยส่งเสริมการตั้งครรภ์ที่แข็งแรง: ด้วยธาตุเหล็กและโปรตีนที่อุดมสมบูรณ์ ปลาหมึกจึงดีเป็นพิเศษสำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ช่วยเสริมสร้างเลือดและภูมิคุ้มกัน
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: ด้วยปริมาณซีลีเนียม วิตามินซี และวิตามินบี 12 ปลาหมึกช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับแบคทีเรีย ไวรัส และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ
- ต้านการอักเสบและบำรุงกระดูกและข้อ: ปลาหมึกมีความสามารถในการลดการอักเสบได้ด้วยซีลีเนียมและโอเมก้า-3 พร้อมทั้งช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการอักเสบของข้อ

- ช่วยให้ความดันโลหิตคงที่: โพแทสเซียมสูงในปลาหมึกช่วยควบคุมความดันโลหิตและลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
- ช่วยให้ฟันและกระดูกแข็งแรง: ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และแคลเซียมในปลาหมึกมีความจำเป็นต่อการพัฒนาของกระดูก โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
- ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง: ปลาหมึกให้ทองแดงมากถึง 90% และมีวิตามิน ช่วยปกป้องและบำรุงรักษาเม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง
- ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่: มีไขมันอิ่มตัวต่ำ อุดมด้วยโปรตีนและแร่ธาตุ ปลาหมึกช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ดีต่อระบบย่อยอาหาร: ด้วยวิตามินกลุ่มบีและเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารตามธรรมชาติ ปลาหมึกช่วยส่งเสริมการเผาผลาญที่ดีขึ้นและลดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย
3. ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อกินปลาหมึกมากเกินไป
แม้ว่าปลาหมึกจะเป็นอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารและเป็นที่นิยมในหลายมื้ออาหาร แต่การบริโภคมากเกินไปหรือการเตรียมที่ไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพบางประการดังนี้:
- ความเสี่ยงต่อการแพ้อาหารทะเล: ปลาหมึกมีโปรตีนโทรโพไมโอซิน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายในผู้ที่ไวต่อสัตว์จำพวกมีเปลือก ผู้ที่มีประวัติแพ้กุ้ง ปู หอย ฯลฯ ควรงดเว้นหรือระมัดระวังเมื่อกินปลาหมึก
- ปริมาณคอเลสเตอรอลสูง: เนื้อปลาหมึกมีคอเลสเตอรอลค่อนข้างมาก หากบริโภคบ่อยเกินไป โดยเฉพาะในรูปแบบทอด อาจส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูงหรือไขมันในเลือดสูง
- ความเสี่ยงในการสะสมสารปรอท: แม้จะจัดอยู่ในกลุ่มอาหารทะเลที่มีระดับปรอทต่ำ แต่ปลาหมึกก็ยังอาจมีปริมาณโลหะหนักอยู่บ้าง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมลพิษทางทะเล การกินปลาหมึกมากเกินไปเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการได้รับสารปรอทเป็นพิษ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสตรีมีครรภ์และเด็กเล็ก

- ปัญหาด้านความปลอดภัยของอาหาร: ปลาหมึกดิบหรือที่ปรุงไม่สุกดี อาจมีแบคทีเรียและปรสิตที่เป็นอันตรายต่อลำไส้ ในทางกลับกัน หากปรุงมากเกินไป เนื้อปลาหมึกจะแห้ง เหนียว และเสียรสชาติตามธรรมชาติไป
ดังนั้น ผู้ใหญ่ควรกินปลาหมึกเพียง 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ แต่ละครั้งประมาณ 100 กรัม เด็กอายุ 2 ถึง 11 ปี ควรกินจำกัดประมาณ 30 กรัม/ครั้ง เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ
4. วิธีเลือกซื้อปลาหมึกสดอร่อย
เพื่อให้ได้อาหารจานอร่อยและปลอดภัย การเลือกปลาหมึกสดที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นี่คือเคล็ดลับบางประการที่จะช่วยให้คุณสามารถระบุและเลือกปลาหมึกที่มีคุณภาพได้อย่างง่ายดาย:
- ปลาหมึกสดมักมีลำตัวเงางาม สีสันชัดเจน หมึกกล้วยจะมีสีน้ำตาลอ่อนหรือใสตามธรรมชาติ หากพบว่าลำตัวปลาหมึกเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น คล้ำ หรือหมองคล้ำ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าปลาหมึกถูกทิ้งไว้นานแล้ว
- ตาปลาหมึกสดจะใสแจ๋ว มองเห็นตาดำชัดเจน หากตาขุ่นมัวหรือยุบลง เป็นสัญญาณว่าปลาหมึกไม่สดแล้ว
- คุณสามารถใช้นิ้วกดเบาๆ ที่ลำตัวปลาหมึก หากรู้สึกว่าเนื้อแน่น ยืดหยุ่นดี ไม่นิ่มเละหรือมีน้ำไหลออกมา แสดงว่าปลาหมึกยังสดอยู่
- ปลาหมึกสดจะมีกลิ่นทะเลอ่อนๆ ไม่คาวจัดหรือมีกลิ่นแปลกปลอม หากพบกลิ่นแปลกๆ มีเมือกเหนียว หรือมีสัญญาณการเน่าเปื่อย ไม่ควรซื้ออย่างเด็ดขาด
- หนวดปลาหมึกจะต้องติดแน่นกับลำตัว หนวดครบถ้วน ไม่หลุดร่วงหรือนิ่มเละ นี่เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่สังเกตความสดได้ง่ายมาก
- ควรเลือกปลาหมึกเป็น หรือปลาหมึกที่ได้รับการเก็บรักษาแบบแช่เย็นจัดอย่างถูกต้อง หากซื้อปลาหมึกแช่แข็ง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์ระบุแหล่งที่มาชัดเจน มีวันหมดอายุ และไม่บุบสลาย
5. ควรซื้อปลาหมึกที่ไหนเพื่อรับประกันคุณภาพ?
เพื่อให้ได้ลิ้มรสอาหารจากปลาหมึกที่อร่อย ปลอดภัย และคงความสดใหม่จากทะเล การเลือกสถานที่ซื้อที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก นี่คือคำแนะนำที่จะช่วยให้คุณพบแหล่งปลาหมึกที่น่าเชื่อถือ:
- ตลาดอาหารทะเลในตอนเช้า: นี่คือจุดหมายปลายทางที่เหมาะอย่างยิ่ง หากคุณต้องการเลือกปลาหมึกที่เพิ่งจับได้ สดใหม่ ยังไม่ผ่านการแช่แข็ง อย่างไรก็ตาม ควรเลือกแผงที่คุ้นเคย มีชื่อเสียง และรับประกันสุขอนามัย
- ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายอาหารที่น่าเชื่อถือ: แผนกอาหารทะเลในซูเปอร์มาร์เก็ตมักมีการตรวจสอบอย่างชัดเจน มีการเก็บรักษาแบบแช่แข็งและมีฉลากระบุวันหมดอายุครบถ้วน นี่เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย หากคุณต้องการรับประกันทั้งคุณภาพและแหล่งที่มา
- ร้านค้าอาหารทะเลโดยเฉพาะ: ร้านค้าที่เชี่ยวชาญด้านการขายปลาหมึกและสัตว์น้ำ มักจะมีกระบวนการเก็บรักษาที่เป็นมืออาชีพมากกว่า และยังสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ได้ง่าย
- Ola Squid: นอกจากการซื้อปลาหมึกสดแล้ว หากคุณกำลังมองหา **ปลาหมึกแห้งคุณภาพสูง** เพื่อเก็บไว้ได้นานหรือซื้อเป็นของขวัญ Ola Squid คือที่ที่คุณวางใจได้ ที่นี่ ปลาหมึกแห้งจะถูกคัดเลือกอย่างพิถีพิถันจากแหล่งปลาหมึกสดที่สะอาด ผ่านกระบวนการผลิตตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของอาหารอย่างเข้มงวด ยิ่งไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์ยังรับประกันว่าจะไม่ใช้สารกันบูด และบรรจุหีบห่ออย่างระมัดระวัง เพื่อให้มั่นใจว่าจะคงความหวานของปลาหมึกไว้ได้อย่างครบถ้วน และยังปลอดภัยต่อสุขภาพ
ปลาหมึกเป็นของขวัญจากท้องทะเลที่อุดมด้วยสารอาหาร หลากหลายในการนำไปปรุง และเหมาะกับทุกรสนิยม อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากอาหารทะเลชนิดนี้ คุณจำเป็นต้องเลือกซื้อปลาหมึกสดที่มีคุณภาพ ใช้และปรุงอาหารอย่างถูกวิธี หวังว่าข้อมูลที่ได้แบ่งปันไปข้างต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับ **ปลาหมึก** ได้ดียิ่งขึ้น อย่าลืมเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Ola Squid เพื่อดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ เกี่ยวกับปลาหมึกด้วยนะ!

English
Tiếng Việt